แนวข้อสอบประมวลรัษฎากร
1. แดง ไปเสียภาษีอากร ณ ที่ว่าการอำเภอ การเสียภาษีอากรของแดงดังกล่าวจะเสร็จสมบูรณ์เมื่อใด
ก. เมื่อจ่ายเงินภาษีอากรให้กับเจ้าหน้าที่
ข. เมื่อได้รับใบเสร็จรับเงินเรียบร้อยแล้วแต่เจ้าหน้าที่ยังไม่ลงลายมือชื่อ
ค. เมื่อได้รับใบเสร็จรับเงินเรียบร้อยพร้อมกับเจ้าหน้าที่ลงลายมือชื่อรับเงินแล้ว
ง. เมื่อแดงลงลายมือชื่อในใบเสร็จรับเงินว่าได้จ่ายภาษีอากรแล้ว
ตอบ ค.เมื่อได้รับใบเสร็จรับเงินเรียบร้อยพร้อมกับเจ้าหน้าที่ลงลายมือชื่อรับเงินแล้ว
2. เมื่อมีเหตุอันควรเชื่อว่ามีการหลีกเลี่ยงภาษีอากรใครมีอำนาจเข้าไปหรือออกคำสั่งเป็นหนังสือให้เจ้าพนักงานสรรพกรเข้าไปในสถานที่หรือยานพาหนะใดเพื่อทำการตรวจค้น ยึดหรืออายัดบัญชี เอกสารหรือหลักฐานอื่น
ก. อธิบดี ข. ผู้ว่าราชการจังหวัด
ค. สรรพากรเขต ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง.ถูกทุกข้อ
3. การตรวจสอบและการรับรองบัญชีของบุคคลจะกระทำได้จะต้องได้รับใบอนุญาตจากใคร
ก. อธิบดี ข. ผู้ว่าราชการจังหวัด
ค. สรรพากรเขต ง. นายอำเภอ
ตอบ ก.อธิบดี
4. ผู้ใดรู้อยู่แล้วไม่อำนวยความสะดวกหรือขัดขวางเจ้าพนักงานผู้กระทำหน้าที่เพื่อทำการตรวจค้นยึดหรืออายัดบัญชี เอกสารหรือหลักฐานอื่นที่เกี่ยวกับการเสียภาษีอากร จะต้องมีโทษอย่างไร
ก. ปรับไม่เกิน 3,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือทั้งจำทั้งปรับ
ข. ปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือทั้งจำทั้งปรับ
ค. ปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือทั้งจำทั้งปรับ
ง. ปรับไม่เกิน 2,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือทั้งจำทั้งปรับ
ตอบ ข.ปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือทั้งจำทั้งปรับ
5. ผู้รักษาการตามประมวลรัษฎากรคือใคร
ก. นายกรัฐมนตรี ข. อธิบดี
ค. ผู้ว่าราชการจังหวัด ง. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ตอบ ง. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
6. คนต่างด้าวซึ่งจะเดินทางออกจากประเทศไทยจะต้องยื่นคำร้องตามแบบที่อธิบดีกำหนดเพื่อขอรับใบผ่านภาษีอาการภายในกำหนดเวลาเท่าใด
ก. ไม่เกิน 15 วันก่อนออกเดินทาง ข. ไม่เกิน 30 วันก่อนออกเดินทาง
ค. ไม่เกิน 7 วันก่อนออกเดินทาง ง. ไม่เกิน 10 วันก่อนออกเดินทาง
ตอบ ก.ไม่เกิน 15 วันก่อนออกเดินทาง
7. กรณีที่คนต่างด้าวผู้ใดไม่ยื่นคำร้องขอรับใบผ่านภาษีอากรหรือยื่นคำร้องแล้วแต่ยังไม่ได้รับใบผ่านภาษีอากรเดินทางออกจากประเทศไทย ให้คนต่างด้าวผู้นั้นเสียเงินเพิ่มร้อยละเท่าใดของเงินเสียภาษีอากร
ก. ร้อยละ 20 ข. ร้อยละ 30
ค. ร้อยละ 40 ง. ร้อยละ 50
ตอบ ก.ร้อยละ 20
8. ใบผ่านภาษีอากรให้มีอายุใช้ได้กี่วันนับแต่วันออก
ก. 5 วัน ข. 7 วัน
ค. 15 วัน ง. 20 วัน
ตอบ ค.15 วัน
9. คนต่างด้าวผู้ใดเดินทางออกจากประเทศไทยโดยไม่มีใบผ่านภาษีอากรต้องระวางโทษอย่างไร
ก. ปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือทั้งปรับทั้งจำ
ข. ปรับไม่เกิน 4,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือทั้งปรับทั้งจำ
ค. ปรับไม่เกิน 2,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือทั้งปรับทั้งจำ
ง. ปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือทั้งปรับทั้งจำ
ตอบ ง.ปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือทั้งปรับทั้งจำ
10. อธิบดีมีอำนาจเปิดเผยรายละเอียดใดต่อไปนี้เพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บภาษีอากร
ก. ชื่อผู้เสียภาษีอากรและจำนวนภาษีอากรที่เสีย
ข. ชื่อผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มหรือจำนวนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ถูกประเมินเพิ่มเติมของผู้ประกอบการจดทะเบียนนั้น
ค. ชื่อผู้สอบบัญชีและพฤติการณ์ของผู้สอบบัญชีเกี่ยวกับการตรวจสอบและรับรองบัญชี
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง.ถูกทุกข้อ
11. ถ้าผู้เสียภาษีอากรต้องการขอใบเสร็จที่เจ้าพนักงานได้ออกให้ไปแล้ว ให้ขอรับได้ ณ ที่ว่าการอำเภอ โดยเสียค่าธรรมเนียมฉบับละเท่าใด
ก. ฉบับละ 1 บาท ข. ฉบับละ 5 บาท
ค. ฉบับละ 50 สตางค์ ง. ฉบับละ 25 สตางค์
ตอบ ค.ฉบับละ 50 สตางค์
12. สรรพกรจังหวัดมีอำนาจตามข้อใด
ก. ออกหมายเรียกผู้ต้องรับผิดชำระภาษีอากรค้างและบุคคลใดๆที่มีเหตุอันควรเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์แก่การจัดเก็บภาษีอากรค้างมาให้ถ้อยคำ
ข. สั่งบุคลดังกล่าวให้นำบัญชีเอกสาร หรือหลักฐานอื่นอันจำเป็นแก่การจัดเก็บภาษีอากรค้างมาตรวจสอบ
ค. ออกคำสั่งเป็นหนังสือให้เจ้าพนักงานสรรพากรทำการตรวจค้นหรือยึดบัญชี เอกสาร หรือหลักฐานอื่นของบุคคลดังกล่าว
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง.ถูกทุกข้อ
13. ใครคือประธานในคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากร
ก. อธิบดีกรมสรรพกร ข. ปลัดกระทรวงการคลัง
ค. อธิบดีกรมศุลกากร ง. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ตอบ ข.ปลัดกระทรวงการคลัง
14. คณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากรมีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละกี่ปี
ก. 2 ปี ข. 3 ปี
ค. 4 ปี ง. 5 ปี
ตอบ ข. 3 ปี
15. คณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากรจะพ้นจากตำแหน่งเมื่อใด
ก. ตาย ข. ลาออก
ค. รัฐมนตรีให้ออก ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
16. ข้อใด ไม่ใช่ อำนาจของคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากร
ก. ออกหมายเรียกผู้ต้องรับผิดชำระภาษีอากรค้างและบุคคลใดๆที่มีเหตุอันควรเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์แก่การจัดเก็บภาษีอากรค้างมาให้ถ้อยคำ
ข. กำหนดขอบเขตในการใช้อำนาจของเจ้าพนักงานประเมินและพนักงานเจ้าหน้าที่
ค. วินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับภาษีอากรที่สรรพากรขอความเห็น
ง. ให้คำปรึกษาหรือเสนอแนะแก่รัฐมนตรีในการจัดเก็บภาษีอากร
ตอบ ก. ออกหมายเรียกผู้ต้องรับผิดชำระภาษีอากรค้างและบุคคลใดๆที่มีเหตุอันควรเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์แก่การจัดเก็บภาษีอากรค้างมาให้ถ้อยคำ
17. ในกรณีเจ้าพนักงานประเมินได้ประเมินให้เสียภาษี บุคคลผู้มีหน้าที่เสียภาษีจะต้องชำระภาษีนั้นพร้อมทั้งเบี้ยปรับและเงินเพิ่มตามที่บัญญัติไว้ในหมวดนี้ ภายในกี่วันนับแต่วันได้รับแจ้งการประเมิน
ก. 20 วัน ข. 30 วัน
ค. 45 วัน ง. 60 วัน
ตอบ ข. 30 วัน
18. เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจออกหมายเรียกผู้ยื่นรายการตามแบบที่ยื่นไม่ถูกต้องตามความจริงหรือไม่บริบูรณ์และออกหมายเรียกพยานกับสั่งให้ผู้ยื่นรายการหรือพยานนั้นนำบัญชี เอกสารหรือหลักฐานอื่นอันควรแก่เรื่องมาแสดงได้แต่ต้องให้เวลาล่วงหน้าไม่น้อยกว่ากี่วันนับแต่วันส่งหมาย
ก. 3 วัน ข. 5 วัน
ค. 7 วัน ง. 14 วัน
ตอบ ค. 7 วัน
19. จากข้อ 18 การออกหมายเรียกดังกล่าวจะต้องกระทำภายในเวลาเท่าใดนับแต่วันที่ได้ยื่นรายการ
ก. 1 ปี ข. 2 ปี
ค. 3 ปี ง. 4 ปี
ตอบ ข. 2 ปี
20. กรณีปรากฏหลักฐานหรือเหตุอันควรสงสัยว่า ผู้ยื่นรายการมีเจตนาหลีกเลี่ยงภาษีอากรหรือเป็นกรณีจำเป็นเพื่อประโยชน์ในการคืนภาษีอากร อธิบดีจะอนุมัติให้ขยายเวลาการออกหมายเรียกดังกล่าวเกินกว่า 2 ปีก็ได้ แต่ต้องไม่เกินกี่ปีนับแต่วันที่ได้ยื่นรายการ
ก. 5 ปี ข. 4 ปี
ค. 3 ปี ง. 2 ปี
ตอบ ก. 5 ปี
21. บุคคลใดไม่เสียหรือนำส่งภาษีภายในกำหนดเวลาเกี่ยวกับภาษีอากรประเมินให้เสียเงินเพิ่มอีกร้อยละเท่าใดต่อเดือนหรือเศษของเดือนของเงินภาษีที่ต้องเสียหรือนำส่งโดยไม่รวมเบี้ยปรับ
ก. ร้อยละ 3 ข. ร้อยละ 2
ค. ร้อยละ 1.5 ง. ร้อยละ 1
ตอบ ค. ร้อยละ 1.5
22. ในกรณีอธิบดีอนุมัติให้ขยายกำหนดเวลาชำระหรือนำส่งภาษีและได้มีการชำระหรือนำส่งภาษีภายในกำหนดที่ขยายได้นั้น เงินเพิ่มลดลงเหลือร้อยละเท่าใดต่อเดือนหรือเศษของเดือน
ก. ร้อยละ 0.5 ข. ร้อยละ 1
ค. ร้อยละ 0.25 ง. ร้อยละ 0.75
ตอบ ง. ร้อยละ 0.75
23. การขอคืนภาษีอากรและภาษีที่ถูกหักไว้ ณ ที่จ่าย และนำส่งแล้วเป็นจำนวนเงินเกินกว่าที่ควรต้องเสียภาษี หรือที่ไม่มีหน้าที่ต้องเสีย ให้ผู้มีสิทธิขอคืนยื่นคำร้องขอคืนภายในกี่ปีนับแต่วันสุดท้ายแห่งกำหนดเวลายื่นรายการภาษีตามที่กฎหมายกำหนด
ก. 1 ปี ข. 2 ปี
ค. 3 ปี ง. 4 ปี
ตอบ ค. 3 ปี
24. ในการอุทธรณ์การประเมินภาษีอากรที่อำเภอมีหน้าที่ประเมินให้อุทธรณ์การประเมินของอำเภอต่อเจ้าพนักงานประเมินภายในกำหนดกี่วันนับแต่วันได้รับแจ้งการประเมิน
ก. 10 วัน ข. 15 วัน
ค. 25 วัน ง. 30 วัน
ตอบ ข. 15 วัน
25. ในการอุทธรณ์การประเมินภาษีอากรที่อำเภอไม่มีหน้าที่ประเมินให้อุทธรณ์ภายในกำหนดกี่วันนับแต่วันได้รับแจ้งการประเมิน
ก. 10 วัน ข. 15 วัน
ค. 25 วัน ง. 30 วัน
ตอบ ง. 30 วัน
26. ถ้าเจ้าพนักงานประเมินผู้ทำการประเมินมีสำนักงานอยู่ในเขตจังหวัดพระนครหรือจังหวัดธนบุรี ให้อุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ซึ่งประกอบด้วย
ก. อธิบดีหรือผู้แทน ข. ผู้แทนกรมอัยการ
ค. ผู้แทนกรมมหาดไทย ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
27. ถ้าเจ้าพนักงานประเมินผู้ทำการประเมินมีสำนักงานอยู่ในเขตจังหวัดอื่น ให้อุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ ซึ่งประกอบด้วย
ก. ผู้ว่าราชการจังหวัดหรือผู้แทน ข. สรรพากรเขตหรือผู้แทน
ค. อัยการจังหวัดหรือผู้แทน ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
28. ผู้ใดรู้อยู่แล้วหรือโดยจงใจ แจ้งข้อความเท็จ หรือให้ถ้อยคำเท็จหรือตอบคำถามด้วยถ้อยคำอันเป็นเท็จ หรือนำพยานหลักฐานเท็จมาแสดงเพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากรต้องระวางโทษอย่างไร
ก. จำคุกตั้งแต่ 1 เดือนถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่ 2,000 บาทถึง 200,000 บาท
ข. จำคุกตั้งแต่ 3 เดือนถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่ 2,000 บาทถึง 200,000 บาท
ค. จำคุกตั้งแต่ 2 เดือนถึง 7 ปี และปรับตั้งแต่ 2,000 บาทถึง 200,000 บาท
ง. จำคุกตั้งแต่ 3 เดือนถึง 7 ปี และปรับตั้งแต่ 2,000 บาทถึง 200,000 บาท
ตอบ ง. จำคุกตั้งแต่ 3 เดือนถึง 7 ปี และปรับตั้งแต่ 2,000 บาทถึง 200,000 บาท
29. ผู้ใดโดยความเท็จ โดยฉ้อโกงหรืออุบาย หรือโดยวิธีการอื่นใดทำนองเดียวกันหลีกเลี่ยงหรือพยายาม
หลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากรต้องระวางโทษอย่างไร
ก. จำคุกตั้งแต่ 1 เดือนถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่ 2,000 บาทถึง 200,000 บาท
ข. จำคุกตั้งแต่ 3 เดือนถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่ 2,000 บาทถึง 200,000 บาท
ค. จำคุกตั้งแต่ 2 เดือนถึง 7 ปี และปรับตั้งแต่ 2,000 บาทถึง 200,000 บาท
ง. จำคุกตั้งแต่ 3 เดือนถึง 7 ปี และปรับตั้งแต่ 2,000 บาทถึง 200,000 บาท
ตอบ ง. จำคุกตั้งแต่ 3 เดือนถึง 7 ปี และปรับตั้งแต่ 2,000 บาทถึง 200,000 บาท
30. ผู้ใดเจตนาละเลย ไม่ยื่นรายการที่ต้องยื่นตามลักษณะนี้เพื่อหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร ต้องระวางโทษอย่างไร
ก. ปรับไม่เกิน 1,000 บาทหรือจำคุกไม่เกิน 3 เดือนหรือทั้งปรับทั้งจำ
ข. ปรับไม่เกิน 2,000 บาทหรือจำคุกไม่เกิน 6 เดือนหรือทั้งปรับทั้งจำ
ค. ปรับไม่เกิน 5,000 บาทหรือจำคุกไม่เกิน 3 เดือนหรือทั้งปรับทั้งจำ
ง. ปรับไม่เกิน 5,000 บาทหรือจำคุกไม่เกิน 6 เดือนหรือทั้งปรับทั้งจำ
ตอบ ง. ปรับไม่เกิน 5,000 บาทหรือจำคุกไม่เกิน 6 เดือนหรือทั้งปรับทั้งจำ
31. "บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลในเครือเดียวกัน" หมายความว่า
ก. บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตั้งแต่ 2 นิติบุคคลขึ้นไปซึ่งมีความสัมพันธ์กันโดยผู้ถือหุ้นหรือผู้เป็นหุ้นส่วนเกินกว่ากึ่งจำนวนผู้ถือหุ้น
ข. บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตั้งแต่ 2 นิติบุคคลขึ้นไปซึ่งมีความสัมพันธ์กันผู้ถือหุ้นหรือผู้เป็นหุ้นส่วนซึ่งถือหุ้นหรือเป็นหุ้นส่วนในนิติบุคคลหนึ่งมีมูลค่าเกินกว่าร้อยละห้าสิบของทุนทั้งหมดถือหุ้น
ค. บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตั้งแต่ 2 นิติบุคคลขึ้นไปซึ่งมีความสัมพันธ์กันนิติบุคคลหนึ่งถือหุ้นหรือเป็นหุ้นส่วนในอีกนิติบุคคลหนึ่งเกินกว่าร้อยละห้าสิบของทุนทั้งหมด
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง.ถูกทุกข้อ
32. "บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล" หมายความว่า
ก. บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย
ข. บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศ
ค. กิจการซึ่งดำเนินการเป็นทางค้าหรือหากำไรโดยรัฐบาลต่างประเทศองค์การของรัฐบาลต่างประเทศ หรือนิติบุคคลอื่นที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศ
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง.ถูกทุกข้อ
33. ข้อใดจัดเป็นเงินได้พึงประเมิน
ก. เงินได้เนื่องจากการจ้างแรงงาน
ข. เงินได้เนื่องจากหน้าที่หรือตำแหน่งงานที่ทำ
ค. ค่าแห่งกู๊ดวิลล์ ค่าแห่งลิขสิทธิ์หรือสิทธิอย่างอื่น
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง.ถูกทุกข้อ
34. ข้อใดไ ม่ใช่ เงินได้พึงประเมินที่ได้จากหน้าที่หรือตำแหน่งงานที่ทำ
ก. โบนัส ข. เบี้ยประชุม
ค. ดอกเบี้ยเงินฝาก ง. ค่าจ้าง
ตอบ ค. ดอกเบี้ยเงินฝาก
35. ข้อใดไ ม่ใช่ เงินได้พึงประเมินที่ได้จากการจ้างแรงงาน
ก. ค่าจ้าง ข. เงินปันผล
ค. บำเหน็จ บำนาญ ง. เบี้ยเลี้ยง
ตอบ ข. เงินปันผล
36. ผู้ใดอยู่ในประเทศไทยชั่วระยะเวลาหนึ่งหรือหลายระยะรวมเวลาทั้งหมดเท่าใดที่ถือว่าผู้นั้นเป็นผู้อยู่ในประเทศไทย
ก. 30 วัน ข. 60 วัน
ค. 120 วัน ง. 180 วัน
ตอบ ง. 180 วัน
37. เงินได้พึงประเมินเฉพาะที่เป็นค่าแห่งลิขสิทธิ์ยอมให้หักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาได้ร้อยละ 40 แต่ต้องไม่เกินเท่าใด
ก. 60,000 บาท ข. 50,000 บาท
ค. 40,000 บาท ง. 30,000 บาท
ตอบ ก. 60,000 บาท
38. ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับเงินได้พึงประเมินที่มีการลดหย่อนภาษี
ก. ลดหย่อนให้สำหรับผู้มีเงินได้ 30,000 บาท
ข. ลดหย่อนให้สำหรับสามีหรือภริยาของผู้มีเงินได้ 30,000 บาท
ค. ลดหย่อนให้สำหรับบุตรชอบด้วยกฎหมายหรือบุตรบุญธรรมของผู้มีเงินได้ รวมทั้งบุตรชอบด้วยกฎหมายของสามีหรือภริยาของผู้มีเงินได้ด้วย
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
39. ข้อใด ไม่ใช่ การหักลดหย่อนภาษีสำหรับบุตร
ก. ให้หักได้เฉพาะบุตรซึ่งมีอายุไม่เกิน 20 ปี
ข. ให้หักได้เฉพาะบุตรซึ่งมีอายุไม่เกิน 25 ปี
ค. และยังศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยหรือชั้นอุดมศึกษา
ง. เป็นผู้เยาว์หรือศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถอันอยู่ในความอุปการะเลี้ยงดู
ตอบ ข. ให้หักได้เฉพาะบุตรซึ่งมีอายุไม่เกิน 25 ปี
40. บุตรของผู้เงินได้ซึ่งมิสิทธิหักลดหย่อนและยังคงศึกษาอยู่ในสถานศึกษาของทางราชการ สถานศึกษาตามกฎหมายว่าด้วยสถาบันศึกษาเอกชนหรือโรงเรียนราษฎร์ตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนราษฎร์ ให้หักลดหย่อนเพื่อการศึกษาได้อีกคนละเท่าใด
ก. 2,000 บาท ข. 1,500 บาท
ค. 1,000 บาท ง. 500 บาท
ตอบ ก. 2,000 บาท
41. ผู้มีเงินได้พึงประเมินตั้งแต่ 60,000 บาทขึ้นไปต้องเสียภาษีไม่น้อยกว่า
ร้อยละเท่าใดของยอดเงินได้พึงประเมิน
ก. ร้อยละ 0.5 ข. ร้อยละ 0.25
ค. ร้อยละ 1 ง. ร้อยละ 1.25
ตอบ ก. ร้อยละ 0.5
42. บุคคลใดมีชื่อในหนังสือสำคัญใดๆ แสดงว่า
ก. เป็นเจ้าของทรัพย์สินอันระบุไว้ในหนังสือสำคัญและทรัพย์สินนั้นก่อให้เกิดเงินได้พึงประเมิน
ข. เป็นเจ้าของทรัพย์สินอันระบุไว้ในหนังสือสำคัญและทรัพย์สินนั้นไม่ก่อให้เกิดเงินได้พึงประเมิน
ค. เป็นผู้ได้รับเงินได้พึงประเมินโดยหนังสือสำคัญเช่นว่านั้น
ง. ถูกทั้ง ก และ ค
ตอบ ง.ถูกทั้ง ก และ ค
43. บุคคลใดถูกหักภาษีไว้ ณ ที่จ่ายและนำส่งแล้วเป็นจำนวนเกินกว่าที่ควรต้องเสียภาษี บุคคลนั้นมีสิทธิได้รับเงินจำนวนที่เกินนั้นคืนหรือไม่
ก. ไม่ เพราะจ่ายเกินแล้วไม่มีสิทธิ์รับคืน
ข. ไม่ แต่จะคิดภาษีที่จ่ายเกินนั้นไปทดจ่ายในปีถัดไป
ค. ได้รับคืน แต่ต้องยื่นคำร้องต่อเจ้าพนักงานประเมินภายใน 3 ปีนับแต่วันสุดท้ายแห่งปีซึ่งได้ถูกหักภาษีเกินไป
ง. ได้รับคืน แต่ต้องยื่นคำร้องต่อเจ้าพนักงานประเมินภายใน 1 ปีนับแต่วันสุดท้ายแห่งปีซึ่งได้ถูกหักภาษีเกินไป
ตอบ ค.ได้รับคืน แต่ต้องยื่นคำร้องต่อเจ้าพนักงานประเมินภายใน 3 ปีนับแต่วันสุดท้ายแห่งปีซึ่งได้ถูกหักภาษีเกินไป
44. ถ้าภาษีที่ต้องเสียตามบทบัญญัติแห่งส่วนนี้ มีจำนวนตั้งแต่ 3,000 บาทขึ้นไป ผู้ต้องเสียภาษีจะสามารถชำระได้เป็นกี่งวด อย่างไร
ก. 1 งวด ข. 2 งวด ๆ ละเท่าๆกัน
ค. 3 งวดๆ ละเท่าๆ กัน ง. กี่งวดก็ได้แล้วแต่ผู้ชำระภาษี
ตอบ ค. 3 งวดๆ ละเท่าๆ กัน
45. เงินได้ที่ต้องเสียภาษีจากการเก็บภาษีจากบริษัทและห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล คืออะไร
ก. กำไรสุทธิ ข. ภาษีอากร
ค. ยอดขาย ง. รายรับ -รายจ่าย
ตอบ ก. กำไรสุทธิ
46. รอบระยะเวลาบัญชีจากเงินได้ที่ต้องเสียภาษีจากการเก็บภาษีจากบริษัทและห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลมีระยะเวลาเท่าใด
ก. 10 เดือน ข. 12 เดือน
ค. 6 เดือน ง. 3 เดือน
ตอบ ข. 12 เดือน
47. การคำนวณกำไรสุทธิและขาดทุนสุทธิให้เป็นไปตามเงื่อนไขใด
ก. ค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สิน ให้หักได้ตามหลักเกณฑ์วิธีการเงื่อนไขและอัตราที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา
ข. ราคาทรัพย์สินอื่นให้ถือตามราคาที่พึงซื้อทรัพย์สินนั้นได้ตามปกติ
ค. เงินตรา ทรัพย์สินหรือหนี้สินซึ่งมีค่าหรือราคาเป็นเงินตราต่างประเทศที่เหลืออยู่ในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี ให้คำนวณค่าหรือราคาเป็นเงินตราไทย
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง.ถูกทุกข้อ
48. สิ่งใดต่อไปนี้ไม่ถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ
ก. เงินกองทุน ข. รายจ่ายอันมีลักษณะเป็นการส่วนตัว
ค. รายจ่ายอันมีลักษณะเป็นการลงทุน ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
49. ในกรณีรับขนคนโดยสาร ให้เสียภาษีในอัตราร้อยละเท่าใดของค่าโดยสารค่าธรรมเนียม
ก. ร้อยละ 1 ข. ร้อยละ 2
ค. ร้อยละ 3 ง. ร้อยละ 3.5
ตอบ ค. ร้อยละ 3
50. ในกรณีรับขนของ ให้เสียภาษีในอัตราร้อยละเท่าใดของค่าระวางค่าธรรมเนียมและประโยชน์อื่นใดที่เรียกเก็บไม่ว่าในหรือนอกประเทศไทยก่อนหักรายจ่ายใดๆ เนื่องในการรับขนของออกนอกประเทศไทยนั้น
ก. ร้อยละ 1 ข. ร้อยละ 2
ค. ร้อยละ 3 ง. ร้อยละ 3.5
ตอบ ค. ร้อยละ 3
51. บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลต้องยื่นรายการซึ่งจำเป็นต้องใช้ในการคำนวณภาษีในรอบระยะเวลาบัญชีตามแบบที่อธิบดีกำหนดพร้อมกับชำระภาษีต่ออำเภอภายในระยะเวลาเท่าใด
ก. 150 วันนับแต่วันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี
ข. 90 วันนับแต่วันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี
ค. 60 วันนับแต่วันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี
ง. 30 วันนับแต่วันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี
ตอบ ก.150 วันนับแต่วันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี
52. สินค้าใดที่เมื่อส่งสินค้าออกไปต่างประเทศให้แก่หรือตามคำสั่งของสำนักงานใหญ่ให้ถือว่าเป็นการขายในประเทศไทยด้วยและให้ถือราคาสินค้าตามราคาตลาดในวันที่ส่งไปเป็นรายได้ในรอบระยะเวลาบัญชีที่ส่งไปนั้น
ก. เป็นของที่ส่งไปเป็นตัวอย่างหรือเพื่อการวิจัยโดยเฉพาะ
ข. เป็นของผ่านแดน
ค. เป็นของที่นำเข้ามาและส่งออกราชอาณาจักร แล้วส่งกลับออกไปหรือกลับเข้ามาให้ผู้ส่งภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่สินค้านั้นเข้ามาและออกไปในราชอาณาจักร
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
53. "ภาษีขาย" หมายความว่า
ก. ภาษีมูลค่าเพิ่มที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนได้เรียกเก็บหรือพึงเรียกเก็บจากผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการ
ข. ภาษีมูลค่าเพิ่มที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนถูกผู้ประกอบการจดทะเบียนอื่นเรียกเก็บ
ค. ภาษีมูลค่าเพิ่มที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนได้เสียเมื่อนำเข้าสินค้า
ง. ภาษีมูลค่าเพิ่มที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนได้เสียเนื่องจากได้รับโอนสินค้านำเข้าที่จำแนกประเภทไว้ในภาคว่าด้วยของที่ได้รับยกเว้นอากรตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร
ตอบ ก. ภาษีมูลค่าเพิ่มที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนได้เรียกเก็บหรือพึงเรียกเก็บจากผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการ
54. "ภาษีซื้อ" หมายความว่า
ก. ภาษีมูลค่าเพิ่มที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนได้เรียกเก็บหรือพึงเรียกเก็บจากผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการ
ข. ภาษีมูลค่าเพิ่มที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนถูกผู้ประกอบการจดทะเบียนอื่นเรียกเก็บ
ค. ภาษีมูลค่าเพิ่มที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนได้เสียเมื่อนำเข้าสินค้า
ง. ถูกทั้ง ข และ ค
ตอบ ง. ถูกทั้ง ข และ ค
55. ข้อใดจัดเป็น "ภาษีสรรพสามิต"
ก. ค่าแสตมป์ ข. ค่าธรรมเนียมประทับตราไพ่
ข. ค่ายาสูบ ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
56. ข้อใดจัดเป็น"ใบกำกับภาษี"
ก. ใบเพิ่มหนี้ ใบลดหนี้ ข. ใบกำกับภาษีอย่างย่อ
ค. ใบเสร็จรับเงินของกรมสรรพากร ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
57. การขายสินค้าตามสัญญาให้เช่าซื้อหรือสัญญาซื้อขายผ่อนชำระที่กรรมสิทธิ์ในสินค้ายังไม่โอนไปยังผู้ซื้อเมื่อได้ส่งมอบ ให้ความรับผิดเกิดขึ้นเมื่อถึงกำหนดชำระราคาตามงวดที่ถึงกำหนดชำระราคาแต่ละงวด เว้นแต่กรณีใ
ก. ได้รับชำระราคาสินค้า
ข. ได้ออกใบกำกับภาษี
ค. ได้มีการนำสินค้าไปใช้ไม่ว่าโดยตัวแทนหรือบุคคลอื่น
ง. ถูกทั้งเฉพาะ ก และ ข
ตอบ ง. ถูกทั้งเฉพาะ ก และ ข
58. การขายสินค้าโดยมีการตั้งตัวแทนเพื่อขายและได้ส่งมอบสินค้าให้ตัวแทนแล้วให้ความรับผิดทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อตัวแทนได้ส่งมอบสินค้าให้ผู้ซื้อ เว้นแต่กรณีใด
ก. ตัวแทนได้โอนกรรมสิทธิ์สินค้าให้ผู้ซื้อ
ข. ตัวแทนได้รับชำระราคาสินค้า
ค. ได้มีการนำสินค้าไปใช้ไม่ว่าโดยตัวแทนหรือบุคคลอื่น
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง.ถูกทุกข้อ
59. มูลค่าของฐานภาษี ไม่รวมถึงอะไร
ก. ทรัพย์สิน ข. ค่าตอบแทน
ค. เงิน ง. ค่าชดเชยหรือเงินอุดหนุน
ตอบ ง. ค่าชดเชยหรือเงินอุดหนุน
60. การคำนวณมูลค่าของฐานภาษีสำหรับการขายสินค้าหรือการให้บริการให้ถือมูลค่าของฐานภาษีเมื่อความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้น เว้นแต่กรณีใด
ก. การขายสินค้าหรือการให้บริการโดยไม่มีค่าตอบแทนหรือมีค่าตอบแทนต่ำกว่าราคาตลาดโดยไม่มีเหตุอันสมควร
ข. การขายสินค้าหรือการให้บริการในกรณีที่ผู้ประกอบการนำสินค้าไปใช้หรือได้ใช้บริการไม่ว่าโดยตนเองหรือบุคคลอื่น โดยมิใช่เพื่อการประกอบกิจการโดยตรง
ค. การขายสินค้าในกรณีผู้ประกอบการมีสินค้าคงเหลือ และหรือมีทรัพย์สินที่ผู้ประกอบการมีไว้ในการประกอบกิจการ ณ วันเลิกประกอบกิจการ
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง.ถูกทุกข้อ
61. ข้อใด ไม่ใช่ การเสียอัตราภาษีร้อยละ 10.0 ในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม สำหรับการประกอบกิจการ
ก. การขายสินค้า ข. การให้บริการ
ค. การส่งออก ง. การนำเข้า
ตอบ ค. การส่งออก
62. ในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการขายสินค้าหรือการให้บริการในราชอาณาจักรให้ใช้อัตราภาษีร้อยละเท่าใด
ก. ร้อยละ 2.5 ข. ร้อยละ 0
ค. ร้อยละ 3 ง. ร้อยละ 1.5
ตอบ ก. ร้อยละ 2.5
63. ผู้ที่ ไม่มีหน้าที่ เสียภาษีมูลค่าเพิ่มคือใคร
ก. ผู้ประกอบการ ข. ผู้นำเข้า
ค. ผู้ส่งออก ง. ถูกเฉพาะข้อ ก และ ข
ตอบ ค.ผู้ส่งออก
64. ภาษีซื้อในกรณีดังต่อไปนี้ ไม่ให้นำมาหักในการคำนวณภาษี
ก. กรณีไม่มีใบกำกับภาษีหรือไม่อาจแสดงใบกำกับภาษีได้ว่ามีการชำระภาษีซื้อ
ข. กรณีใบกำกับภาษีมีข้อความไม่ถูกต้องหรือไม่สมบูรณ์
ค. ภาษีซื้อที่ไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการประกอบกิจการของผู้ประกอบการตามหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
65. การยื่นแบบแสดงรายการภาษีและการชำระภาษีสำหรับเดือนภาษีใดให้ยื่นภายในวันใด
ก. วันที่ 1 ของเดือนถัดไป ข. วันที่ 15 ของเดือนถัดไป
ค. วันที่ 30 ของเดือนถัดไป ง. วันที่ 31 ของเดือนถัดไป
ตอบ ข. วันที่ 15 ของเดือนถัดไป
66. ในกรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนเป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถบุคคลใดเป็นผู้มีหน้าที่ในการยื่นแบบแสดงรายการภาษีแทน
ก. ผู้จัดการมรดก ข. ผู้อนุบาล
ค. ผู้พิทักษ์ ง. ถูกทั้ง ข และ ค
ตอบ ง. ถูกทั้ง ข และ ค
67. ผู้ประกอบการซึ่งจะเริ่มประกอบกิจการขายสินค้าหรือให้บริการให้มีสิทธิยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มวันใด
ก. ก่อนวันเริ่มประกอบกิจการ ค. วันใดก็ได้
ข. วันที่ประกอบกิจการ ง. วันสุดท้ายของเดือน
ตอบ ก. ก่อนวันเริ่มประกอบกิจการ
68. ผู้ประกอบการใดต่อไปนี้ไม่ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
ก. ผู้ประกอบการที่อยู่นอกราชอาณาจักร และเข้ามาประกอบกิจการขายสินค้าหรือให้บริการในราชอาณาจักรเป็นครั้งคราว
ข. ผู้ประกอบการที่ให้บริการจากต่างประเทศและได้มีการใช้บริการนั้นในราชอาณาจักร
ค. ผู้ประกอบการอื่นตามที่อธิบดีประกาศกำหนดเมื่อมีเหตุอันสมควร
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
69. ในกรณีที่ใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มสูญหาย ถูกทำลาย หรือชำรุดในสาระสำคัญ ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนยื่นคำขอรับใบแทนใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ สถานที่ที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ภายในกี่วันนับแต่วันที่ทราบถึงการสูญหาย ถูกทำลายหรือชำรุด
ก. 30 วัน ข. 15 วัน
ค. 60 วัน ง. 7 วัน
ตอบ ข. 15 วัน
70. ผู้ประกอบการจดทะเบียนใดประสงค์จะเปิดสถานประกอบการเพิ่มเติม ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนนั้นแจ้งการเปลี่ยนแปลงทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ สถานที่ที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ก่อนวันเปิดสถานประกอบการเพิ่มเติมไม่น้อยกว่ากี่วัน
ก. ไม่น้อยกว่า 30 วัน ข. ไม่น้อยกว่า 15 วัน
ค. ไม่น้อยกว่า 7 วัน ง. ไม่น้อยกว่า 10 วัน
ตอบ ข. ไม่น้อยกว่า 15 วัน
71. การลดอัตรา หรือยกเว้นการเก็บภาษีแก่บุคคลองค์กรใด ๆ จะกระทำได้ต้องตราเป็นกฎหมายใด
ก.พระราชบัญญัติ ข. พระราชกฤษฎีกา
ค. พระราชกำหนด ง. กฎกระทรวง
ตอบ ข. พระราชกฤษฎีกา
72. เมื่อมีเหตุอันควรเชื่อว่ามีการหลีกเลี่ยงภาษีอากร เจ้าพนักงานสรรพากรผู้มีอำนาจสามารถเข้าไปในสถานที่หรือยานพาหนะเพื่อทำการตรวจค้น ยึด หรืออายัดบัญชี เอกสารหรือหลักฐานอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับภาษีอากรได้ในเวลาใด
ก. เวลา 06.00 น.ถึงเวลา 18.00 น.
ข. ระหว่างเวลาพระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย์ตก
ค. ระหว่างเวลาทำการของผู้ประกอบกิจการนั้น
ง. ถูกทั้งข้อ ข.และข้อ ค.
ตอบ ง. ถูกทั้งข้อ ข.และข้อ ค.
73. ใครเป็นผู้มีอำนาจแต่งตั้งเจ้าพนักงานประเมินตามประมวลรัษฎากร
ก. นายกรัฐมนตรี ข. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ค. ปลัดกระทรวงการคลัง ง. อธิบดีกรมสรรพากร
ตอบ ง. อธิบดีกรมสรรพากร
74. ประมวลรัษฎากรได้บัญญัติให้ผู้ใดที่จะเดินทางออกนอกประเทศไทย ต้องเสียภาษีอากรที่ค้างชำระหรือจะต้องชำระแม้จะยังไม่ถึงกำหนดชำระก็ตาม
ก. บุคคลทุกคน ข. คนสัญชาติไทยทุกคน
ค. เฉพาะคนต่างด้าว ง. เฉพาะคนสัญชาติไทยที่เป็นเจ้าของธุรกิจ
ตอบ ค. เฉพาะคนต่างด้าว
75. หากนาย
ก. 0.50 บาท ข. 1 บาท
ค. 5 บาท ง. 10 บาท
ตอบ ก. 0.50 บาท
76. ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับอำนาจของอธิบดีในการสั่งยึด หรืออายัด และขายทอดตลาดทรัพย์สินของผู้เสียภาษีอากร
ก. กระทำได้ต้องขอให้ศาลออกหมายยึดหรือสั่งก่อน
ข. กระทำได้ต้องขอให้ศาลออกหมายยึดหรือสั่งก่อนกระทำภายใน 24 ชั่วโมง
ค. กระทำได้โดยไม่ต้องขอให้ศาลออกหมายยึดหรือสั่ง
ง. ผิดทุกข้อ
ตอบ ค. กระทำได้โดยไม่ต้องขอให้ศาลออกหมายยึดหรือสั่ง
77. ข้อใดเป็นผู้ที่ไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
ก. บริษัทปูนซีเมนต์ไทย จำกัด
ข. นาย
ค. ห้างหุ้นส่วนสามัญมโนการช่าง
ง. ผู้ถึงแก่ความตายระหว่างปีภาษี
ตอบ ง. ผู้ถึงแก่ความตายระหว่างปีภาษี
78. การเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้แบ่งประเภทจากแหล่งเงินได้ต่าง ๆ สำหรับเงินได้เนื่องจากหน้าที่การงานหรือตำแหน่งงานที่ทำ ได้บัญญัติไว้ในประมวลรัษฎากรมาตราใด
ก. มาตรา 40(1) ข. มาตรา 40 (2)
ค. มาตรา 40 (3) ง. มาตรา 40 (4)
ตอบ ข. มาตรา 40 (2)
79. หากนาย ก.โอนกรรมสิทธิที่ดินจำนวน 1 แปลง ให้ น.ส.ข.ซึ่งเป็นคนใช้ของตน โดยไม่มีค่าตอบแทนใด กฎหมายได้บัญญัติในเรื่องนี้ไว้อย่างไร
ก. ถือว่า น.ส.ข.เป็นผู้มีเงินได้
ข. ถือว่า นาย ก.เป็นผู้มีเงินได้
ค. ถือว่านาย ก.และ น.ส.ข.เป็นผู้มีเงินเท่า ๆ กัน
ง. ถือว่านาย ก.และ น.ส.ข.เป็นผู้ไม่มีเงินได้
ตอบ ก. ถือว่า น.ส.ข.เป็นผู้มีเงินได้
80. เงินได้จากดอกเบี้ยประเภทใดที่ต้องนำมาคำนวณเป็นเงินได้พึงประะเมิน
ก. ดอกเบี้ยสลากออมสิน
ข. ดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ที่ได้รับจากสหกรณ์
ค. ดอกเบี้ยเงินฝากประจำที่ได้รับจากสหกรณ์
ง. ดอกเบี้ยเงินฝากประเภทออมทรัพย์ของธนาคารในราชอาณาจักรที่ไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทตลอดปีภาษี
ตอบ ค. ดอกเบี้ยเงินฝากประจำที่ได้รับจากสหกรณ์
81. นายมโนก ได้ส่งนาย
ก. 10,000 บาท ข. 12,000 บาท
ค. 15,000 บาท ง. 17,000 บาท
ตอบ ค. 15,000 บาท
82. เงินสะสมที่จ่ายเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพสามารถหักลดหย่อนสำหรับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาอย่างไร
ก. หักตามที่จ่ายจริง ข. หักตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 10,000 บาท
ค. หักได้ร้อยละ 80 ของจำนวนที่จ่ายจริง ง. หักได้ร้อยละ 90 ของจำนวนที่จ่ายจริง
ตอบ ข. หักตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 10,000 บาท
83. ใครเป็นผู้มีหน้าที่หักภาษีเงินได้จากเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 ในทุกคราวที่จ่ายเงินได้พึงประเมินออกไป
ก. ผู้มีเงินได้พึงประเมิน ข. ผู้รับเงินได้พึงประเมิน
ค. ผู้มีหน้าที่จ่ายเงินได้พึงประเมิน ง. ธนาคารผู้รับฝากเงินได้พึงประเมิน
ตอบ ค. ผู้มีหน้าที่จ่ายเงินได้พึงประเมิน
84. ข้อใดถือว่าเป็นการขายที่ดินที่ได้มาโดยไม่ได้มุ่งในทางการค้าหรือหากำไร
ก. ซื้อที่ดินเมื่อปี 2528 ขายที่ดินไปในปี 2535 ในสภาพเดิม
ข. ซื้อที่ดินเมื่อปี 2520 ขายที่ดินไปในปี 2528 ในสภาพเดิม
ค. ซื้อที่ดินเมื่อปี 2515 ขายที่ดินไปในปี 2521 ในสภาพเดิม
ง. ซื้อที่ดินเมื่อปี 2510 ขายที่ดินไปในปี 2521 ในสภาพเดิม
ตอบ
85. "จำนวนเงินที่กฎหมายกำหนดให้หักออกจากเงินได้พึงประเมิน หลังจากได้หักค่าใช้จ่ายแล้วเพื่อเป็นการบรรเทาภาระภาษีตามสถานภาพของผู้เสียภาษี"เป็นความหมายของข้อใด
ก. ค่าลดหย่อน ข. ค่าใช้จ่าย
ค. เงินได้สุทธิ ง. เงินได้พึงประเมิน
ตอบ ก. ค่าลดหย่อน
86. ข้อใดไม่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ
ก. การขายอสังหาริมทรัพย์ที่ได้มาโดยทางมรดก ภายใน 5 ปี นับแต่วันได้มา
ข. การขายอสังหาริมทรัพย์ของผู้ซึ่งได้รับอนุญาตให้ทำการจัดสรรที่ดิน
ค. การขายห้องชุดของผู้จดทะเบียนอาคารชุด
ง. การขายอสังหาริมทรัพย์ที่ได้มาจากการซื้อขายที่ไม่ใช่ทางมรดก ภายใน 5 ปี นับแต่วันได้มา
ตอบ ก. การขายอสังหาริมทรัพย์ที่ได้มาโดยทางมรดก ภายใน 5 ปี นับแต่วันได้มา
87. เอกสารที่ต้องเสียอากรตามประมวลรัษฎากร เป็นคำจำกัดความของข้อใด
ก. สัญญา ข. กระดาษ
ค. ตราสาร ง. เอกสาร
ตอบ ค. ตราสาร
88. บริษัท บ้านและที่ดิน จำกัด ประกอบธุรกิจขายที่ดิน บริษัทจะต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะจากฐานภาษีในข้อใด
ก. รายรับก่อนหักค่าใช้จ่าย
ข. รายรับหลังหักค่าใช้จ่าย
ค. กำไรสุทธิประจำปี
ง. รายได้จากการขายที่ดินหักค่าภาษีตามกฎหมายที่ดิน และภาษีหัก ณ ที่จ่ายแล้ว
ตอบ ค. กำไรสุทธิประจำปี